“พีเดียร์” ซัดอีกมุม ปมดีเบต อ.เบียร์ -ดร.ณัฐ”ก่อนฟาดคนด่าติ่ง ”คนตื่นธรรม”เป็นอะไรนักหนา

“พีเดียร์” ซัดอีกมุม ปมดีเบต “อ.เบียร์-ดร.ณัฐ” ก่อนฟาดคนด่าติ่ง “คนตื่นธรรม” เป็นอะไรนักหนา

หลังจากการดีเบตที่เข้มข้นระหว่าง “อ.เบียร์” หมอดูชื่อดัง และ “ดร.ณัฐ” นักวิชาการด้านพุทธศาสตร์ ที่เกิดขึ้นในรายการวิชาการเรื่องความเชื่อและการใช้คำสอนในชีวิตประจำวันที่มีการถกเถียงกันถึงการนำหลักธรรมของพระพุทธศาสนามาใช้ในทางที่ไม่เหมาะสม ล่าสุด “พีเดียร์” นักวิจารณ์ชื่อดังได้ออกมาแสดงความคิดเห็นอีกมุมหนึ่งที่หลายคนอาจไม่เคยคิดถึง และยังได้วิจารณ์กลุ่มคนที่แสดงความคิดเห็นในลักษณะ “ติ่ง” หรือ “คนตื่นธรรม” ว่าเป็นอะไรนักหนาถึงได้วิจารณ์กันอย่างรุนแรง

การมองอีกมุมของพีเดียร์

พีเดียร์ได้กล่าวถึงการดีเบตว่า แม้การถกเถียงในประเด็นนี้อาจดูรุนแรง แต่ก็เป็นสิ่งที่ควรมีเพื่อให้เกิดการตรวจสอบและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในสังคม เขาชี้ให้เห็นว่า “การที่เราจะนำคำสอนจากพระไตรปิฎกหรือหลักธรรมไปใช้จริงในชีวิตประจำวัน จำเป็นต้องมีการพิจารณาอย่างถี่ถ้วน ไม่ใช่แค่การนำมาใช้แบบผิวเผินหรือแบบทำให้เกิดความเข้าใจผิด” พีเดียร์ยังย้ำว่า แม้จะมีการท้าทายความคิดเห็นที่แตกต่างกัน แต่การแสดงความคิดเห็นควรมาจากการมีข้อมูลและการคิดอย่างมีวิจารณญาณ

ฟาดกลับ “คนตื่นธรรม”

พีเดียร์ยังได้พูดถึงกลุ่มคนที่เรียกตัวเองว่า “คนตื่นธรรม” ที่มักจะออกมาวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรงในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับหลักธรรม และความเชื่อของศาสนา โดยเขากล่าวว่า “คนที่บอกว่าตนเองตื่นธรรม มักจะมีท่าทีเหมือนกับการเป็นผู้พิทักษ์หลักคำสอน แต่มักจะลืมไปว่าการตื่นตัวไม่ควรมาพร้อมกับการบีบบังคับหรือการวิจารณ์ที่รุนแรงจนทำให้เกิดความแตกแยก”

เขายังเสริมว่า “การทำนาย การใช้ศาสตร์ต่างๆ หรือแม้กระทั่งการดีเบตเรื่องหลักธรรม ควรเป็นเรื่องที่สร้างความเข้าใจ และเปิดโอกาสให้ทุกคนได้แลกเปลี่ยนความคิด ไม่ใช่การทำให้คนอื่นรู้สึกผิดหรือถูกตีตราว่าเป็นคนไม่เข้าใจธรรม”

คำตอบที่น่าคิดจากพีเดียร์

การแสดงความเห็นของพีเดียร์ในครั้งนี้ทำให้หลายคนที่ติดตามการดีเบตเริ่มตั้งคำถามถึงการใช้คำพูดและการวิพากษ์วิจารณ์ในเรื่องที่ละเอียดอ่อนเช่นนี้ การแลกเปลี่ยนความคิดเห็นควรเป็นไปเพื่อความเข้าใจที่ดี ไม่ควรเป็นการโจมตีหรือทำให้เกิดความแตกแยกในสังคม